ด้วยกระแสนิยมของสมาร์ทโฟน ทำให้เป็นเรื่องปกติที่ทุกคนจะมีกล้องส่วนตัวติดกระเป๋าอยู่ตลอดเวลา แอปพลิเคชันกล้องถ่ายรูปซึ่งติดตั้งอยู่ในสมาร์ทโฟนนั้นก็ยิ่งได้รับการเพิ่มคุณสมบัติมากขึ้นทุกที ๆ แถมเทคโนโลยีก็ยังพัฒนามาไกลจนตอนนี้ใคร ๆ ก็สามารถถ่ายภาพสวย ๆ ระดับมืออาชีพได้อย่างง่ายดาย
ข้อดีของกล้องสมาร์ทโฟนคือมันทำให้คุณมีวิธีถ่ายภาพเริ่ด ๆ ได้ตลอดเวลา แต่เนื่องจากขนาดของเซนเซอร์กล้องนั้นถูกจำกัด แถมยังต้องพึ่งพาซอฟต์แวร์ซะเยอะ (การปรับภาพคมชัดอัตโนมัติ การเปิดรับแสงอัตโนมัติ ฯลฯ) สำหรับผู้ที่ต้องการภาพถ่ายคุณภาพเหนือชั้นกว่านั้น และอยากปรับการตั้งค่าต่าง ๆ มากกว่าที่ทำได้ในมือถือ เราขอแนะนำกล้องสะท้อนภาพเลนส์เดี่ยว (DSLR)!
ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงข้อดีของกล้อง DSLR แม้ว่าจะเป็นสำหรับมือใหม่ในด้านการถ่ายภาพก็ตาม และเราก็จะอธิบายจุดที่ควรพิจารณาเวลาจะเลือกซื้อกล้อง พร้อมกับแนะนำ 5 บริษัทผู้ผลิตกล้องญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุด!
มาหาซื้อกล้องคุณภาพระดับมือโปร แล้วเก็บความทรงจำน่าประทับใจของคุณเอาไว้ในรูปภาพกันเถอะ

DSLR ทำอะไรได้บ้าง?
พอได้ยินคำว่า “กล้อง DSLR” หลายคนอาจติดภาพจำว่ามันต้องใช้ยากแน่ ๆ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกล้อง DSLR นั้นมีโหมดอัตโนมัติ (Auto) กึ่งอัตโนมัติ (Semi-Auto) ที่เป็น “Priority” ต่าง ๆ แม้แต่มือใหม่ก็สามารถเริ่มถ่ายภาพเลิศ ๆ ได้เลย ยิ่งไปกว่านั้นหากคุณตัดสินใจจะเรียนรู้ให้มากขึ้นเพื่อให้การถ่ายภาพกลายเป็นงานอดิเรก ก็มีแหล่งเรียนรู้ออนไลน์มากมาย ที่จะช่วยให้คุณควบคุมและใช้งานคุณสมบัติต่าง ๆ ของกล้องได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ!
จุดเด่น:
- เก็บรายละเอียดภาพได้สูงกว่ากล้องสมาร์ทโฟน
- สามารถถ่ายภาพพื้นหลังเบลอแบบ “โบเก้” (bokeh) ได้
- สามารถเปลี่ยนเลนส์เพื่อถ่ายภาพแบบพิเศษได้ (เช่น เทเลโฟโต้ มุมกว้าง มาโคร)
- ระบบออโต้โฟกัสคุณภาพสูง ที่จะช่วยให้คุณสามารถจับภาพวัตถุซึ่งเคลื่อนที่เร็วได้
- DSLR หลายรุ่นมาพร้อมกับบลูทูธ คุณจึงสามารถย้ายภาพจากกล้องไปสู่สมาร์ทโฟนของคุณได้ทันที
- คุณสามารถเลือกถ่ายภาพแบบปกติ ภาพ JPG พร้อมอัพโหลด หรือถ่ายแบบ RAW ก็ได้ถ้าคุณชอบแก้ไขและปรับแต่งรูปภาพเอง (หรือจะถ่ายทั้งสองแบบพร้อมกันเลยก็ยังได้!)
กล้อง DSLR เป็นทุกอย่างที่กล่าวมาให้คุณแล้ว! ถ้าคุณไม่พอใจกับภาพที่ได้จากกล้องสมาร์ทโฟนอีกต่อไป เราขอแนะนำให้คุณลองเปิดใจใช้กล้อง DSLR ดูสักครั้ง แถมถ้าคุณเลือกรุ่นที่มีบลูทูธในตัว คุณถ่ายภาพปุ๊บแชร์ลงเน็ตทันทีเลยก็ยังได้ ก็เหมือนภาพที่ถ่ายด้วยมือถือนั่นแหละ สุดยอดเลยมั้ยล่ะ

สิ่งที่ต้องพิจารณาเวลาเลือกกล้อง DSLR
กล้องถ่ายรูปนั้นเหมาะสำหรับทุกฤดูกาลและทุกสถานการณ์ แต่เนื่องจากมีผลิตภัณฑ์ให้เลือกมากมายจากหลายบริษัทผู้ผลิต จึงอาจเป็นเรื่องยากต่อการตัดสินใจตอนจะซื้อ ว่าสินค้าตัวไหนเหมาะกับคุณที่สุด และมันมีคุณสมบัติอะไรที่แตกต่างกันบ้าง
ดังนั้นเราจึงจะมาแนะนำจุดสำคัญต่าง ๆ ที่คุณควรพิจารณา เมื่อกำลังมองหากล้อง DSLR ที่เกิดมาเพื่อคุณ!
1. คุณอยากถ่ายภาพอะไร?

ประเด็นแรกคือ คุณต้องการจะถ่ายภาพอะไร?
ถ้าต้องการแค่ถ่ายภาพทั่วไปในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะซื้อกล้องแบบไหนคุณก็สามารถถ่ายรูปสวย ๆ ออกมาคุณภาพน่าพอใจได้อยู่แล้ว แต่ถ้าคุณอยากลองถ่ายภาพแบบพิเศษกว่านั้น ก็มีคุณสมบัติบางอย่างที่ควรจะมองหาเอาไว้
หากคุณต้องการจะถ่ายภาพวัตถุเคลื่อนที่ (เช่น กีฬา เด็ก สัตว์ ฯลฯ) เราแนะนำให้คุณสั่งซื้อกล้องรุ่นที่สามารถถ่ายภาพต่อเนื่องได้อย่างรวดเร็ว (หลายภาพต่อวินาที) และมีระบบออโต้โฟกัสต่อเนื่อง (AF-Continuous) ที่เชื่อถือได้!
หรือถ้าหากคุณสนใจการถ่ายภาพมาโคร (การถ่ายภาพวัตถุขนาดเล็กอย่างแมลงหรือดอกไม้ในระยะประชิด) กล้องที่มีเซนเซอร์ความละเอียดสูง มีตัวเลือกการซ้อนโฟกัส และมีหน้าจอที่ดึงออกมาหรือปรับองศาได้ก็จะเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยม
แต่ถ้าคุณคาดหวังการถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อย (เช่น ตอนกลางคืน แคมป์ปิ้ง หรือในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ) กล้องที่มีขนาดเซนเซอร์ใหญ่และมีค่าความไวแสง ISO ดี ก็จะช่วยให้คุณได้ภาพที่กล้องแบบอื่นๆ ทำไม่ได้ กล้องที่มีเซนเซอร์ “ฟูลเฟรม” ขนาดใหญ่เคยมีราคาแพงหูฉี่ แต่ในช่วงหลายปีมานี้ก็มีกล้องที่ราคาสมเหตุสมผลปรากฏออกมาเพิ่มไม่น้อย ลองหาดูได้เลย!
2. พิจารณาเรื่องขนาด

ประเด็นที่สองที่ควรพิจารณาคือ บอดี้กล้องตัวนั้นใหญ่แค่ไหน?
กล้องรูปแบบมืออาชีพในปัจจุบันแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก ได้แก่ กล้อง DSLR และกล้องมิเรอร์เลส DSLR ที่แท้จริงนั้นจะมีระบบกระจกอยู่ภายใน เพื่อให้คุณมองเห็นแสงที่มาจากเลนส์ได้ด้วยตาของคุณเอง ดังนั้นปกติแล้วมันจึงมีขนาดที่ใหญ่และน้ำหนักมากกว่า ส่วนกล้องมิเรอร์เลสนั้นจะมีขนาดบอดี้ที่กะทัดรัด มักจะสะดวกในการพกพาใส่กระเป๋าไปไหนมาไหนด้วย
เป็นเรื่องที่ควรค่าแก่การพิจารณาว่าคุณจะเอากล้องไปใช้แบบไหน เวลาที่กำลังจะตัดสินใจเลือกขนาดของกล้อง คุณแค่อยากพกกล้องไปใช้ถ่ายภาพในงานอีเวนท์พิเศษ หรือคุณอยากจะพกมันติดตัวไปโน่นมานี่ในขณะที่เดินกินลมชมวิว หรือไม่ก็เดินทางท่องเที่ยวกันล่ะ?
3. ตรวจสอบความสามารถด้านการถ่ายภาพต่อเนื่อง

ประเด็นที่สามคือความสามารถในการถ่ายภาพต่อเนื่อง หรือที่รู้จักกันในชื่อ Burst Mode
อย่างที่บอกไปด้านบน ในขณะที่ถ่ายภาพวัตถุเคลื่อนไหว (เช่น กีฬา สัตว์ หรือเด็ก) การที่กล้องมีฟังก์ชันถ่ายภาพต่อเนื่องแบบเต็มอัตราได้ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้สามารถถ่ายภาพรัว ๆ คุณจะได้ไม่พลาดฉากสำคัญในเสี้ยววินาที
กล้องรุ่นเริ่มต้นสุด ๆ นั้นสามารถถ่ายภาพได้ราวๆ 7 ภาพต่อวินาที แต่ถ้าขยับไประดับที่เหนือกว่านั้นสักหน่อย กล้อง DSLR กับกล้องมิเรอร์เลสหลายรุ่นสามารถถ่ายได้ 10-15 เฟรมต่อวินาที (เหมาะเหม็งสำหรับผู้ใช้ที่มือไม่โปร) หรือถ้ารุ่นโหด ๆ หน่อยก็อาจจะไปสุดได้ถึง 120fps เลยทีเดียวขึ้นอยู่กับการตั้งค่า (แต่ไม่จำเป็นสำหรับผู้ใช้งานส่วนใหญ่ แถมการทำแบบนี้ยังกินพื้นที่จัดเก็บหนักมากด้วย)!
4. ตรวจดูปุ่มกดและหน้าอินเตอร์เฟซ

ประเด็นที่สี่ที่ต้องพิจารณาคือปุ่มกดและหน้าอินเตอร์เฟซ
กล้องรุ่นเริ่มต้นปกติแล้วมักจะมีวงแหวนควบคุมการทำงานที่เรียบง่าย แต่กล้องระดับสูงกว่านั้นมักจะมีแผงการควบคุมที่ละเอียดยิบย่อยกว่า ซึ่งรวมถึงปุ่มลัดที่ผู้ใช้งานสามารถกำหนดค่าได้เอง เพื่อให้เข้าถึงคุณสมบัติพิเศษต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว
หากคุณเป็นมือใหม่ในโลกแห่งการถ่ายภาพ การเริ่มต้นด้วยแผงควบคุมที่เรียบง่ายอาจจะดีที่สุด เพื่อให้ได้รับประสบการณ์การถ่ายภาพที่ดีกว่า เพราะมือคุณอาจจะลื่นไปปรับเปลี่ยนอะไรสักอย่างโดยบังเอิญบ่อย ๆ หรือไม่ก็ไปแตะโดนเมนูที่คุณไม่ได้ตั้งใจจะกด จนกว่าจะรู้ว่าคุณคิดจะกดอะไรนั่นแหละ!
ในทางกลับกัน หากคุณรู้วิธีใช้งานเมนูและการตั้งค่ากล้องแบบซับซ้อนอยู่แล้ว หรือตัดสินใจว่าได้เวลาศึกษาเกี่ยวกับงานอดิเรกใหม่อย่างจริงจังสักที กล้องรุ่นที่มีปุ่มลัดสำหรับการเข้าถึงฟังก์ชันพิเศษก็อาจจะเป็นทางเลือกที่คุณต้องการ
ยังดีที่นอกจากปุ่มกดแล้ว หน้าจอแบบสัมผัสก็เป็นเรื่องปกติเช่นเดียวกัน ซึ่งจะช่วยให้สามารถค้นหาเมนูและการตั้งค่าได้สะดวกขึ้น กล้องหลายรุ่นยังมีหน้าจอที่สามารถพับ พลิก หรือหมุนออกจากตัวบอดี้กล้องได้ ความสามารถแบบนี้มีประโยชน์มาก เพราะคุณจะมองเห็นได้ว่ากำลังถ่ายภาพอะไรอยู่ ในขณะที่กล้องอยู่ในตำแหน่งแปลก ๆ หรือยากต่อการดูนั่นเอง!
ความแตกต่างระหว่างกล้อง DSLR และกล้องมิเรอร์เลส
ทุกวันนี้มีกล้องถ่ายภาพสไตล์มืออาชีพอยู่สองประเภทหลัก ๆ ก็คือกล้อง DSLR และกล้องมิเรอร์เลส
นอกจากขนาดที่ต่างกันอย่างที่ได้บอกไปด้านบนแล้ว กล้องทั้งสองประเภทก็ยังมีข้อดีและข้อเสียอื่น ๆ อยู่อีก แต่มันแตกต่างกันตรงไหนล่ะ?
กล้องดิจิตัลสะท้อนภาพเลนส์เดี่ยว (DSLR)

ประการแรกเราจะพูดถึงกล้อง DSLR เดิมทีกล้องสะท้อนภาพเลนส์เดี่ยว (SLR) นั้นใช้กระจกในการทำให้คุณมองเห็นว่าภาพแบบไหนที่จะปรากฏอยู่ในฟิล์มภาพของคุณ ทุกวันนี้กล้อง DSLR ก็ยังใช้ดีไซน์กระจกอยู่ แต่ส่วนใหญ่หันมาใช้เซนเซอร์ดิจิตัลแทนการใช้ฟิล์ม จึงเปลี่ยนชื่อจากกล้อง SLR เป็น DSLR
กล้อง DSLR นั้นมาพร้อมกับเลนส์หลากหลายประเภทที่ถอดเปลี่ยนได้ ทำให้คุณสามารถปรับแต่งอุปกรณ์ประจำกายเพื่อการถ่ายภาพในสไตล์ที่แตกต่างกัน
สั่งซื้อกล้อง DSLR จากญี่ปุ่น
ข้อดีสำคัญก็คือคุณสามารถจินตนาการผลลัพธ์สุดท้ายที่จะออกมาได้ง่าย ๆ เพราะคุณกำลังมองวัตถุโดยตรงผ่านช่องมองภาพ อย่างไรก็ตาม การที่มันมีระบบกระจกอยู่ภายในนี่แหละ ทำให้บอดี้กล้อง DSLR ทั้งใหญ่ทั้งหนัก ยิ่งถ้าคุณพกเลนส์สำหรับเปลี่ยนไปด้วย คุณก็ต้องหอบสัมภาระมากมายเลยทีเดียว นี่แหละปัญหาของมัน
กล้องมิเรอร์เลสและกล้องบริดจ์

ถัดไปเราจะขออธิบายเกี่ยวกับดีไซน์กล้องมิเรอร์เลส และกล้องบริดจ์ที่เกี่ยวข้องกัน ตามที่ชื่อของมันบอก ความแตกต่างหลักระหว่างกล้องมิเรอร์เลสกับกล้อง DSLR ก็คือการที่ไม่มีระบบกระจกอยู่ภายในนั่นเอง แต่คุณจะสามารถดูภาพได้จากช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ (EVF) แทน
สั่งซื้อกล้องมิเรอร์เลส
เนื่องจากกล้องมิเรอร์เลสไม่มีชิ้นส่วนกระจกที่ว่า บอดี้กล้องจึงมีขนาดเล็กและน้ำหนักเบากว่า DSLR แต่ยังคงสามารถเปลี่ยนเลนส์ได้อยู่ ในทางกลับกัน กล้องบริดจ์นั้นคือกล้องมิเรอร์เลสที่เปลี่ยนเลนส์ไม่ได้ แต่มันมีเลนส์ถาวรที่สามารถเปลี่ยนการซูมได้ หมายความว่ามันอาจมีขนาดที่เล็กยิ่งกว่ากล้อง DSLR และมิเรอร์เลสทั่วไปอีก!
หากคุณต้องการกล้องที่พกพาไปท่องเที่ยวด้วยได้สะดวก กล้องบริดจ์ก็อาจเป็นทางเลือกที่น่าโดน อย่างไรก็ตาม ถึงขนาดและน้ำหนักจะถือเป็นข้อดีที่ควรมอง โดยเฉพาะมันทำให้คุณไม่ต้องพกเลนส์เพิ่มเติมติดตัวไปด้วย แต่คุณภาพของรูปถ่ายและคุณสมบัติที่ติดตัวมากับมันก็จะไม่ครอบคลุมมากเท่ากล้องอีกสองแบบ
สั่งซื้อกล้องคอมแพคบริดจ์
5 อันดับแบรนด์กล้องญี่ปุ่นที่แนะนำ
กล้องดิจิตัลสะท้อนภาพเลนส์เดี่ยวสัญชาติญี่ปุ่นนั้นมีหลายชนิดจากหลาย ๆ บริษัทผู้ผลิตพร้อมให้คุณเลือก แม้ว่ามองแวบแรกหน้าตามันจะเหมือนกันไปหมด แต่ถ้าดูแบบเจาะรายละเอียด คุณจะพบว่าแต่ละอย่างมีประสิทธิภาพในการใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนั้นโปรดตรวจสอบให้แน่ใจก่อนเปย์ว่าคุณได้พบกล้องที่คู่ควรกับคุณที่สุดแล้ว!
ต่อไปนี้เราจะขอแนะนำให้รู้จักกับ 5 สุดยอดบริษัทผู้ผลิตกล้องญี่ปุ่นที่เหมาะกับมือใหม่ในวงการเล่นกล้อง เราจะอธิบายจุดขายสำคัญๆ ของแต่ละบริษัท เพราะฉะนั้นเปรียบเทียบมันให้ดีล่ะ
[อันดับ 5] Olympus

บริษัทผู้ผลิตกล้องที่เราขอแนะนำเป็นอันดับ 5 ก็คือ Olympus
ปัจจุบัน Olympus วางขายกล้องคอมแพคมิเรอร์เลสที่ใช้เซนเซอร์ Micro Four Thirds (MFT) กล้องเหล่านี้เหมาะยิ่งนักกับการถ่ายภาพทิวทัศน์ในระหว่างการท่องเที่ยว แต่การที่มีเซนเซอร์ MFT ขนาดเล็กนั้นทำให้มันทำงานได้ไม่ดีเท่าไหร่ในสภาพแวดล้อมมืด ๆ แต่ข่าวดีก็คือมันเอามาใช้กับเลนส์ของ Panasonic ได้ด้วยนะ ทำให้คุณมีทางเลือกเพิ่มขึ้นไงล่ะ!
สั่งซื้อกล้อง Olympus
[อันดับ 4] Panasonic

บริษัทผู้ผลิตกล้องที่เราอยากแนะนำเป็นอันดับ 4 ก็คือ Panasonic
Panasonic เชี่ยวชาญในด้านกล้องมิเรอร์เลส โดยมีกล้องที่ใช้เซนเซอร์อยู่สองอย่าง ก็คือเซนเซอร์รุ่นใหญ่อย่างฟูลเฟรม/Full-Frame (FF) และรุ่นเล็กอย่าง Micro Four Thirds (MFT) ทั้งสองแบบล้วนแล้วแต่สามารถใช้กับเลนส์คุณภาพสูงที่สลับสับเปลี่ยนได้ ไม่ว่าจะเป็นของที่ Panasonic ผลิตเองหรือบริษัทอื่น ๆ เช่น Leica, Sigma ฯลฯ เป็นผู้ผลิต กล้องของ Panasonic นั้นเป็นที่รู้กันดีว่ามีความสามารถในการบันทึกวิดีโอคุณภาพสูงระดับ 4K+ ดังนั้นหากคุณต้องการลองถ่ายภาพวิดีโอ แบรนด์นี้ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลย
สั่งซื้อกล้อง Panasonic
[อันดับ 3] Sony

บริษัทผู้ผลิตกล้องอันดับ 3 ที่เราขอแนะนำก็คือ Sony
Sony ผลิตทั้งกล้อง DSLR และกล้องมิเรอร์เลส ทั้งสองประเภทต่างก็มีรุ่นที่ใช้เซนเซอร์ฟูลเฟรมเต็มรูปแบบ และเซนเซอร์ APS-C crop ที่เล็กกว่า แต่เนื่องจาก Sony เป็นบริษัทแรก ๆ ที่สรรค์สร้างกล้องมิเรอร์เลสออกมา ด้วยเหตุนั้นพวกเขาจึงเน้นทางด้านกล้องประเภทมิเรอร์เลสของตัวเองมากกว่า จุดแข็งอีกอย่างของ Sony ซึ่งควรนำมาพิจารณา ก็คือราคาที่สมเหตุสมผลนั่นเอง
สั่งซื้อกล้อง Sony
[อันดับ 2] Nikon

บริษัทผู้ผลิตกล้องที่เราขอแนะนำเป็นอันดับ 2 ก็คือ Nikon
Nikon เป็นบริษัทที่เน้นด้านกล้อง DSLR เป็นหลัก พวกเขาผลิตกล้องที่ใช้เซนเซอร์ฟูลเฟรมและเซนเซอร์ APS-C crop ที่เล็กกว่าออกมามากมาย แถมยังผลิตสินค้าออกมาหลายระดับ โดยมีตั้งแต่ระดับจัดเต็มสำหรับมืออาชีพ ไปจนถึงระดับเริ่มต้นสำหรับมือใหม่ แม้ว่าบริษัทนี้จะผลิตกล้องมิเรอร์เลสออกมาบ้างเหมือนกัน แต่นี่คือแบรนด์ที่คนมักจะแนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการถ่ายภาพธรรมชาติและทิวทัศน์ให้ออกมาสีสันสดสวยซะมากกว่า
สั่งซื้อกล้อง Nikon
[อันดับ 1] Canon

บริษัทผู้ผลิตกล้องที่ขอแนะนำเป็นอันดับ 1 ก็คือ Canon
Canon มีกล้องให้เลือกอย่างละลานตาไม่ว่าจะทั้ง DSLR หรือมิเรอร์เลส การที่พวกเขาเน้นทางด้านกล้อง DSLR มากเป็นพิเศษ ทำให้มีหลายรุ่นที่เหมาะสำหรับช่างกล้องระดับเริ่มต้น โดยรุ่นที่โด่งดังก็อย่างเช่น “EOS Kiss M” “EOS 9000D” และ “EOS X9i” คุณสามารถเลือกกล้องที่ถูกใจได้จากตัวเลือกอันหลากหลายเลย แล้วคนมากมายต่างก็หลงรักสีสันที่กล้องของ Canon จับภาพออกมาได้ด้วย การที่มีกล้องหลายรุ่นซึ่งได้รับความนิยมในหมู่คนเล่นกล้อง ทำให้แบรนด์นี้กลายเป็นอันดับหนึ่งที่เราอยากแนะนำสำหรับมือใหม่นั่นเอง
สั่งซื้อกล้อง Canon
สรุป
หากคุณต้องการอัพเกรดไปสู่สิ่งที่เหนือกว่าสมาร์ทโฟน และเริ่มต้นการถ่ายภาพด้วยกล้องที่มีคุณสมบัติจัดเต็ม แบรนด์ชั้นนำในวงการก็ล้วนแล้วแต่เป็นบริษัทญี่ปุ่นทั้งนั้น เราจึงอยากแนะนำให้คุณลองพิจารณาข้อเสนอของพวกเขาดู! ไม่ว่าคุณจะต้องการนำไปใช้ในรูปแบบใด ไม่ว่าจะเป็นภาพความทรงจำทั่วไปกับครอบครัวและเพื่อนฝูง หรือภาพวิวทิวทัศน์สวย ๆ ในขณะที่กำลังเดินทาง กล้องของพวกเขาก็เหมาะกับการบันทึกและจับภาพเหล่านี้ทั้งนั้น
บทความนี้เราได้แนะนำให้คุณรู้จักกับบริษัทผู้ผลิตกล้องสัญชาติญี่ปุ่นชื่อดังที่ตากล้องมือใหม่ควรต้องนึกถึง แล้วคุณล่ะคิดยังไง? บริษัททั้งหลายเหล่านี้ต่างก็มีกล้องประสิทธิภาพเยี่ยมให้คุณเลือกสรรได้มากมาย ลองหารุ่นที่ถูกใจมาสักตัว แล้วใช้มันจับภาพช่วงเวลาและสถานที่อันสวยงามที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของคุณดูสิ

ZenMarket คือเว็บไซต์ที่จะช่วยให้คุณช้อปจากญี่ปุ่นได้อย่างสะดวก & ง่ายดาย
สมัครวันนี้เพื่อรับทันที ZenPoints 500 แต้ม
สมัครใช้งานฟรี!
