ค้นหาในZenPlus, ทั้งหมดเปลี่ยนร้าน
ได้เงินคืน 7% จากสินค้า AMAZON ทุกชิ้น! ถึง 24 มิถุนายน นี้ ดูส่วนลด
เช็กคูปองส่วนลดทั้งหมดจาก ZenMarket ดูคูปอง
ลดรับลมร้อน สูงสุด 5,000 เยน! ถึง 28 มิ.ย. นี้ รับส่วนลด
ส่วนลด 15% สำหรับสินค้ามือสองจากญี่ปุ่น 13-30 มิ.ย. นี้ รับส่วนลด
การใช้เว็บไซต์ของเราแสดงว่าคุณยอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวและคุกกี้ของเรา
ประวัติการค้นหา ลบประวัติ

สุดยอดกีต้าร์วินเทจจากญี่ปุ่น

เป็นที่รู้จักกันดีว่าญี่ปุ่นคือหนึ่งในแหล่งผลิตกีต้าร์โปร่งและกีต้าร์ไฟฟ้าชั้นนำของโลก แบรนด์กีต้าร์ซึ่งได้รับการยกย่องในทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็น Ibanez หรือ ESP ล้วนผลิตกีต้าร์ชั้นเลิศออกมาจากโรงงานญี่ปุ่นทั้งนั้น ด้วยชื่อเสียงอันเลื่องลือของช่างทำเครื่องสายชาวญี่ปุ่นแล้ว ก็ไม่น่าแปลกใจที่กีต้าร์วินเทจญี่ปุ่นจะเป็นที่เสาะแสวงหาอย่างหนักจากบรรดานักสะสม คอดนตรี รวมถึงนักดนตรีมืออาชีพทั้งหลาย

อ่านเพิ่มเติม: วิธีสั่งซื้อสินค้าจาก Digimart

อย่างไรก็ตาม มีเหตุผลมากมายว่าทำไมกีต้าร์วินเทจญี่ปุ่นถึงพิเศษกว่าชาวบ้าน เรื่องนี้ต้องไปดูประวัติศาสตร์การก๊อปปี้กีต้าร์ของญี่ปุ่นที่รุกคืบตลาดกีต้าร์อเมริกาได้อย่างรวดเร็ว เครื่องดนตรีซิกเนเจอร์ที่ผลิตในญี่ปุ่น และการจับมือกับแบรนด์อเมริกาในช่วงทศวรรษที่ 1980 และ 1990 ก็ยิ่งทำให้ญี่ปุ่นรั้งตำแหน่งผู้ผลิตกีต้าร์ชั้นนำได้อย่างเหนียวแน่นมากขึ้น

ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงกีต้าร์วินเทจญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงมากที่สุด กีต้าร์บางตัวที่เราจะยกมาพูดถึงนั้น มีบทบาทสำคัญยิ่งในการนิยามประวัติศาสตร์ดนตรี รวมถึงการผลิตและออกแบบกีต้าร์ ด้วยเหตุนั้นค่าตัวสำหรับการเสาะหามาสะสมจึงสูงลิ่ว แต่ก็ยังมีกีต้าร์รุ่นอื่น ๆ ที่เราพูดจะถึงในลิสต์นี้เช่นกัน ซึ่งราคาเข้าถึงได้ง่ายกว่า และยังเหมาะกับคอกีต้าร์ผู้ต้องการจะตามล่าหากีต้าร์วินเทจชั้นดีที่เล่นได้เหมาะมือด้วย

 

 

กีต้าร์ยุคคดีความ (Greco, Tokai, Edwards, Burny)

ย้อนกลับไปในช่วงปี 1970s บริษัทผู้ผลิตกีต้าร์ญี่ปุ่นได้เริ่มก๊อปปี้ดีไซน์กีต้าร์ที่มีชื่อเสียงของอเมริกาหลายรุ่น โมเดลเด่น ๆ ที่โดนก็เช่น Gibson Les Paul, Gibson SG, Gibson Flying V, Gibson Explorer, Fender Stratocaster และ Fender Telecaster ได้ถูกแบรนด์ญี่ปุ่นก๊อปปี้ไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

ต่างจากแบรนด์กีต้าร์จำนวนมากในปัจจุบันที่ “หยิบยืม” องค์ประกอบบางประการมาจากเครื่องดนตรีสุดคลาสสิกเหล่านี้ กีต้าร์วินเทจญี่ปุ่นส่วนใหญ่ หรือไม่ก็อาจจะทั้งหมด ล้วนแล้วแต่ก๊อปปี้กีต้าร์อเมริกามาทั้งดุ้น องค์ประกอบหลายอย่างถูกลอกไปใช้ เช่น รูปร่างของตัวเครื่อง หรือดีไซน์หัวกีต้าร์ เหลือเพียงแค่ชื่อซึ่งแปะติดหัวกีต้าร์เท่านั้นที่แตกต่าง

กีต้าร์วินเทจญี่ปุ่นยุคคดีความ Fender Tokai Stratocaster Strat

อย่างไรก็ตาม ปัญหาคือกีต้าร์เหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นเครื่องดนตรีคุณภาพคับแน่นที่สูสีกับกีต้าร์แบรนด์อเมริกาซึ่งเป็นต้นแบบเอง ในความเป็นจริงนั้น แบรนด์อเมริกาเริ่มยอดขายตกเมื่อบริษัทญี่ปุ่นเหล่านี้เริ่มส่งออกกีต้าร์ของพวกเขา

แน่นอนว่าแบรนด์กีต้าร์สัญชาติอเมริกาทั้งหลายย่อมไม่แฮปปี้ เรื่องจึงลงเอยด้วยการที่บริษัทแม่ของ Gibson ฟ้องร้อง Ibanez (Hoshino Group) ซึ่งก๊อปปี้ดีไซน์หัวกีต้าร์แบบ “open-book” ของ Gibson ในขณะที่บริษัทอื่นๆ เช่น ESP ก็เผชิญคดีความจาก Gibson ด้วยเช่นกัน

แบรนด์กีต้าร์ญี่ปุ่นเหล่านี้จึงถูกบังคับให้ต้องหยุดการขายกีต้าร์โมเดลดังกล่าว หรือไม่ก็ต้องดัดแปลงให้มันต่างออกไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด จนในที่สุด กีต้าร์ญี่ปุ่นรุ่นก๊อปปี้เหล่านี้จึงกลายเป็นที่รู้จักกันในฉายา “กีต้าร์ยุคคดีความ (lawsuit-era guitars)”

กีต้าร์ยุคคดีความเหล่านี้หลายรุ่นกลายเป็นของมีมูลค่า โดยเฉพาะสำหรับนักสะสมกีต้าร์ทั้งหลาย กีต้าร์ญี่ปุ่นยุคคดีความที่ได้รับความนิยมสูงสุดก็เช่น Tokai Love Rock (ก๊อปปี้จาก Les Paul), Tokai Silver Star (ก๊อปปี้จาก Fender Stratocaster), Edwards Limited (ก๊อปปี้จาก Les Paul), Burny Guitars (ก๊อปปี้จากกีต้าร์ Gibson หลายรุ่น), Greco (ก๊อปปี้จากกีต้าร์ของ Gibson กับ Fender), Ibanez (ก๊อปปี้จาก Les Paul) และ ESP (ก๊อปปี้สไตล์กีต้าร์จาก Gibson)

กีต้าร์วินเทจญี่ปุ่นยุคคดีความ Gibson Ibanez

ที่น่าสนใจคือแบรนด์กีต้าร์จากยุคคดีความเหล่านี้หลายเจ้ากลายเป็นแบรนด์ยักษ์ใหญ่ เช่น ESP กับ Ibanez ภายหลังพวกเขาได้สร้างสรรค์เครื่องดนตรีด้วยดีไซน์ของตัวเอง และปัจจุบันก็ได้กลายเป็นสองบริษัทผู้ผลิตกีต้าร์ญี่ปุ่นที่ใหญ่ที่สุด ส่วนแบรนด์อื่น ๆ เช่น Greco ก็ได้ช่วยบุกเบิกเส้นทางให้กับ Fender Japan ในช่วงทศวรรษที่ 1980

ถึงจะพูดอย่างนั้น แบรนด์กีต้าร์จากยุคคดีความเหล่านี้ส่วนใหญ่ต่างก็ไม่ได้ผลิตกีต้าร์สไตล์ Gibson หรือ Fender อีกแล้ว ส่วนมากพวกเขาเดินหน้าต่อไปด้วยการขายดีไซน์ออริจินัลของตนเอง นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้บรรดานักสะสมกีต้าร์ นักแสดงดนตรี หรือแฟนตัวยงทั้งหลายต่างก็พยายามตามหากีต้าร์ยุคคดีความมาครอบครอง

 

กีต้าร์บางรุ่น เช่น Tokai Love Rock กับ ESP MX220 มีค่าตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กีต้าร์ ESP MX220 Explorer-type นั้นปัจจุบันราคามหาโหด กีต้าร์รุ่นนี้มีชื่อเสียงที่สุดจากการเป็นกีต้าร์ตัวหลักของ James Hetfield ช่วงปลายทศวรรษที่ 1980 และต้นทศวรรษที่ 1990 ทุกวันนี้มันกลายเป็นของสะสมที่ตีมูลค่าได้หลายพันดอลลาร์เลยทีเดียว

กีต้าร์วินเทจญี่ปุ่น ESP MX220 Explorer James Hetfield Metallica

ถึงจะว่าอย่างนั้น แต่ก็ยังมีกีต้าร์ยุคคดีความหลายรุ่นที่ไม่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากสังคม บางรุ่นมีโอกาสเข้าถึงได้น้อยกว่า หรือไม่ก็ไม่ค่อยเป็นที่สังเกต แต่ด้วยคุณภาพและประวัติศาสตร์ของกีต้าร์ยุคคดีความ ทำให้พวกมันควรค่าแก่การเพิ่มเข้าไปในคอลเล็กชันของมือกีต้าร์ทั้งหลายยิ่งนัก

ค้นหากีต้าร์วินเทจ

 

กีต้าร์ Fender

Fender Japan

ในช่วงทศวรรษที่ 1970s กีต้าร์ของ Fender เริ่มยอดขายตกจากการแข่งขันกับบริษัทผู้ผลิตฝั่งญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม Fender ตัดสินใจใช้วิธีอื่นแทนไปเลยโดยไม่ต้องฟ้องร้อง พวกเขาเลือกที่จะเริ่มผลิตกีต้าร์ในประเทศญี่ปุ่นแทน เนื่องจากที่นั่นมีค่าใช้จ่ายในการผลิตที่ต่ำกว่า ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถผลิตกีต้าร์คุณภาพสูงออกมาได้

กีต้าร์วินเทจญี่ปุ่น Fender Japan

ในปี 1982 Fender Japan ได้จัดตั้งขึ้นด้วยความร่วมมือระหว่าง Fender, Kanda Shokai (神田商会), Yamano Gakki (山野楽器) และ Fujigen Gakki สำหรับ Fujigen Gakki เดิมทีผลิตกีต้าร์ Fender มาตั้งแต่ช่วงปี 1982-1995 โดยกีต้าร์เหล่านี้มีคำว่า “Made in Japan” ระบุอยู่ที่หลังหัวกีต้าร์

แต่สุดท้าย Dyna Gakki ก็เข้ามารับช่วงต่อในการผลิตแทน เนื่องจาก Fujigen Gakki ต้องการจะขยายกิจการของตัวเอง กีต้าร์ Fender ญี่ปุ่นรุ่นหลังนี้มีคำว่า “Crafted in Japan” เขียนอยู่ทางด้านหลังของรอยต่อคอกีต้าร์

ต่างจากกีต้าร์ญี่ปุ่นสไตล์ Fender ส่วนใหญ่ที่มีในเวลานั้น (Stratocasters, telecasters ฯลฯ) กีต้าร์ Fender ญี่ปุ่นมีความพิเศษกว่าอย่างแท้จริง เนื่องจากไม่ใช่รุ่นก๊อปปี้ นอกจากจะมีคุณสมบัติที่เป๊ะปังมากแล้ว กีต้าร์เหล่านี้ยังให้เสียงได้เที่ยงตรงและผลิตด้วยความประณีตโดยช่างทำเครื่องสายชาวญี่ปุ่นอีกด้วย

Fender Japan ได้รังสรรค์เครื่องดนตรีชั้นเยี่ยมออกมามากมายตลอดทศวรรษที่ 1980, 1990 และ 2000 รุ่นซึ่งเป็นที่นิยมก็เช่น กีต้าร์ซิกเนเจอร์ ST-72 YM Yngwie Malmsteen, ST-52 1950s Stratocaster รุ่นผลิตใหม่, ST-62 1962 Stratocaster รุ่นผลิตใหม่ และอื่น ๆ อีกมากมาย

กีต้าร์วินเทจญี่ปุ่น ST-72YM Yngwie Malmsteen

ไม่ว่าคุณจะเป็นนักสะสม มือสมัครเล่น หรือนักแสดงดนตรีมืออาชีพ ถ้าลองได้สัมผัสกีต้าร์วินเทจของ Fender ญี่ปุ่นซึ่งได้รับการรังสรรค์ออกมาอย่างเหนือชั้นแล้วจะไม่มีคำว่าผิดหวังแน่นอน กีต้าร์ Fender ญี่ปุ่นนั้นถูกจัดให้เหนือกว่ากีต้าร์ Fender ที่ผลิตในเม็กซิโกเสียอีก แถมยังสูสีกับกีต้าร์ Fender รุ่นดั้งเดิมที่ผลิตในสหรัฐอเมริกาเลยทีเดียว

สั่งซื้อกีต้าร์ Fender มือสอง

 

Squier JV Series Stratocaster

กีต้าร์ Squier เป็นที่รู้จักดีที่สุดจากการเป็นกีต้าร์รุ่นประหยัดซึ่งเทียบเท่าได้กับกีต้าร์ของแบรนด์ Fender ในปัจจุบัน กีต้าร์ Squier นั้นถูกผลิตขึ้นจากโรงงานหลาย ๆ แห่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างไรก็ตาม ครั้งหนึ่งกีต้าร์ Squier ก็เคยถูกผลิตในโรงงานของญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน

กีต้าร์วินเทจญี่ปุ่น Squier JV Series Stratocaster Strat

ซีรี่ส์ Squier JV เป็นโมเดลกีต้าร์ Fender รุ่นแรกที่ผลิตขึ้นในญี่ปุ่น โดยกีต้าร์เหล่านี้เป็นรุ่นจำลอง หรือไม่ก็รุ่นผลิตใหม่ของกีต้าร์ Fender Stratocasters จากปี 1957 และ 1962 ความเป็นซีรี่ส์ JV ก็ดูได้จากโลโก้ Squier ขนาดใหญ่กับโลโก้ Fender ขนาดเล็กตรงหัวกีต้าร์ ประกอบกับรหัสประจำตัวเครื่องซึ่งขึ้นต้นด้วย JV นั่นเอง

กีต้าร์ซีรี่ส์ JV นั้นถูกมองว่าเป็นกีต้าร์รุ่นคุ้มค่าสุด ๆ เนื่องจากมันถูกผลิตขึ้นมาโดยโรงงานของ Fujigen Gakki อันเลื่องชื่อ ซึ่งก็เคยเป็นผู้ผลิตกีต้าร์ Ibanez สมัยใหม่ในช่วงต้น ๆ ด้วยเช่นกัน การที่มีประวัติเฉพาะตัว การสร้างแบรนด์แบบพิสดาร รวมทั้งความเป็นงานฝีมือระดับพรีเมียม ทำให้กีต้าร์ ซีรี่ส์ JV กลายเป็นกีต้าร์รุ่นที่ได้รับการยกย่อง คู่ควรแก่การนำไปประดับหิ้งสะสมของนักเล่นกีต้าร์ทุกระดับชั้น

สั่งซื้อกีต้าร์ Squier มือสอง

 

กีต้าร์ Ibanez

Ibanez Jem 777 (Steva Vai Signature Model) และ RG550

Steve Vai คือหนึ่งในนักเล่นกีต้าร์ผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก มือกีต้าร์ชั้นครูผู้นี้เคยได้ร่วมงานกับรุ่นใหญ่ ๆ มาแล้วนักต่อนัก รวมทั้ง Frank Zappa, David Lee Roth และ White Snake ด้วย นอกจากนั้น Steve Vai ก็ยังประสบความสำเร็จทางด้านการเป็นศิลปินเดี่ยว และได้กลายเป็นแรงบันดาลใจสำหรับมือกีต้าร์ขั้นเทพหลายคนในปัจจุบัน

กีต้าร์วินเทจ Ibanez Steve Vai

นอกจากความสำเร็จทางด้านการดนตรีแล้ว Steve Vai ยังเป็นที่รู้จักดีจากการมีบทบาทต่อการออกแบบกีต้าร์สมัยใหม่อีกด้วย Steve Vai คือศิลปินเอกคนแรกของ Ibanez และก็เป็นบุคคลที่มีอิทธิพลในการช่วยปั้นให้ Ibanez กลายเป็นบริษัทกีต้าร์ที่ประสบความสำเร็จ

กีต้าร์ซิกเนเจอร์ของ Steve Vai ซึ่งก็คือ Jem กับ Universe นั้นเป็นกีต้าร์สองรุ่นที่มีเอกลักษณ์ที่สุดของ Ibanez กีต้าร์ Ibanez Jem 777 นั้นเป็นกีต้าร์ทางการตัวแรกที่ Ibanez สร้างให้กับ Steve Vai มันมีองค์ประกอบในแบบที่ไม่เหมือนใครหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น monkey grip หรือ lion’s claw ลักษณะหลายอย่างของกีต้าร์รุ่นนี้ เช่น Edge tremolo สะพานสายกีต้าร์แบบออริจินัลของ Ibanez โครงสร้างปิ๊กอัพแบบ HSH รวมถึงรูปทรง super-strat อันดุดัน ล้วนแล้วแต่เป็นแรงบันดาลใจโดยตรงแก่กีต้าร์หลายรุ่นในอนาคตของ Ibanez รวมถึงดีไซน์แบบ superstrat ของบริษัทอื่น ๆ ด้วย

กีต้าร์วินเทจญี่ปุ่น Ibanez Steve Vai

Ibanez Jem 777 มีให้เลือกด้วยกันสามสี ได้แก่ สีเหลืองทะเลทราย สีเขียวล็อกเนสส์ และสีช็อคกิ้งพิงค์ กีต้าร์รุ่น Jem 777 นั้นวางขายตั้งแต่ปี 1987-1996 และได้มีการผลิตขึ้นมาใหม่อีกครั้งในปี 2017 เพื่อฉลองการครบรอบ 30 ปี ในปัจจุบัน Ibanez Jem 777 ถูกจัดให้เป็นกีต้าร์รุ่นสะสมที่มีราคาซื้อขายสูงลิ่ว

ในเวลาเดียวกัน Ibanez RG550 นั้นถูกสร้างมาให้เป็น Jem 777 ในเวอร์ชั่นถอดองค์ประกอบหลายอย่างออกเพื่อให้มีราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า มันขาดองค์ประกอบที่โดดเด่นหลายประการในรุ่น Jem ที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือไม่มี monkey grip ไม่มี tremolo cavity แบบ lion’s claw และปิ๊กอัพแบบ Dimarzio สิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงกีต้าร์แบบพื้นฐานซึ่งยังคงคุณภาพสูงเท่านั้น

กีต้าร์ญี่ปุ่น Ibanez Steve Vai

RG550 กลายเป็นอีกหนึ่งรุ่นกีต้าร์ที่สำคัญไม่แพ้กันของ Ibanez เพราะสุดท้ายมันก็กลายมาเป็นแม่แบบที่ส่งอิทธิพลต่อกีต้าร์ RG สมัยใหม่ทั้งหมดของ Ibanez คุณภาพโครงสร้างที่ดีเลิศจนผู้คนสรรเสริญยิ่งทำให้กีต้าร์รุ่นนี้กลายเป็นผู้นำของกีต้าร์ไลน์ Prestige รุ่น Made in Japan ในปัจจุบันของ Ibanez นั่นเอง

กีต้าร์ Ibanez RG550 รุ่นดั้งเดิมในปลายทศวรรษ 80s กับต้นทศวรรษ 90s กลายเป็นสิ่งที่บรรดามือกีต้าร์และนักสะสมทั้งหลายต่างก็เสาะแสวงหาเป็นอย่างมาก สำหรับนักเล่นกีต้าร์ส่วนใหญ่ โมเดล RG550 รุ่นดั้งเดิมนั้นเคยได้ชื่อว่าเป็นกีต้าร์สัญชาติญี่ปุ่นคุณภาพสูง ที่แปะราคาแบบกีต้าร์นอกญี่ปุ่นคุณภาพต่ำกว่า ซึ่งออกแบบมาสำหรับมือใหม่ไปจนถึงรุ่นกลาง ๆ อย่างไรก็ตาม มูลค่าของกีต้าร์วินเทจรุ่น RG550 นั้นก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้นตามมา หลังจากการวางขายกีต้าร์ RG550 Genesis รุ่นผลิตใหม่

สั่งซื้อกีต้าร์ Ibanez ใหม่แกะกล่อง

 

Ibanez JPM100 (John Petrucci Signature Model)

John Petrucci มือกีต้าร์ชั้นครูผู้นี้มีชื่อเสียงที่สุดจากผลงานของเขาในวง Dream Theater และ Liquid Tension Experiment ทุกวันนี้ John Petrucci ใช้แต่กีต้าร์ที่เขาร่วมกันออกแบบกับ Ernie Ball Music Man ก็จริง อย่างไรก็ตาม แฟนคลับที่ติดตามเขามานานต่างทราบดีว่าเขาเริ่มเข้าสู่วงการด้วยการใช้กีต้าร์ของ Ibanez

กีต้าร์ญี่ปุ่น Ibanez John Petrucci

Ibanez JPM100 เป็นกีต้าร์ซิกเนเจอร์ของ John Petrucci ซึ่งผลิตตั้งแต่ปี 1995-1999 ทางด้านคุณสมบัติมันค่อนข้างคล้ายคลึงกับกีต้าร์รุ่นอื่นๆ ของ Ibanez ในเวลานั้น อย่างไรก็ตาม ลวดลายกราฟฟิกซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Picasso กับสวิตช์สลับปิ๊กอัพ 3 ทาง แล้วก็คอกีต้าร์ที่แคบและมนกว่าปกติ ทำให้มันโดดเด่นจากกีต้าร์รุ่นอื่นๆ ที่ Ibanez มีให้เลือกสรร

JPM100 มีให้เลือกด้วยกัน 4 แบบ JPM100 P1, P2, P3 และ P4 โดยแต่ละดีไซน์ก็ล้วนมีลวดลายแบบ Picasso เหมือนกันแต่ต่างที่สีสัน ตั้งแต่ที่ John Petrucci ออกจาก Ibanez ตอนปลายทศวรรษที่ 1990s กีต้าร์ Ibanez JPM100 ก็กลายมาของมีมูลค่าสำหรับแฟนๆ ของ Dream Theater/John Petrucci และบรรดานักสะสมทั้งหลาย

เรียกได้ว่ากีต้าร์รุ่นนี้มีราคาสูงกว่ากีต้าร์ซิกเนเจอร์กับกีต้าร์วินเทจมาตรฐานของ Ibanez ที่ไม่ผลิตต่อแล้วรุ่นอื่น ๆ หลายรุ่นเสียอีก อย่างไรก็ตาม มันก็จัดได้ว่าเป็นเครื่องดนตรีที่หาใดเปรียบยาก ซึ่งมีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ของ Dream Theater และแนวดนตรี progressive metal อย่างแท้จริง

สั่งซื้อกีต้าร์วินเทจญี่ปุ่น Ibanez

 

Ibanez SC500N

SC500N คือกีต้าร์คลาสสิกสายไนลอนซึ่งออกสู่ตลาดในปี 1998 โดยเป็นส่วนหนึ่งของซีรี่ส์ S Classical ของ Ibanez มันเป็นกีต้าร์ที่ต่างจากตัวเลือกอื่น ๆ ในแคตตาล็อกของ Ibanez ความโดดเด่นของมันคือการใช้สายกีต้าร์ไนลอนและปิ๊กอัพแบบ piezo แต่โชคไม่ดีที่กีต้าร์รุ่นนี้ล้มเหลวในการตีตลาดกีต้าร์ เหตุผลสำคัญคงเป็นเพราะราคาอันสูงลิ่วของมันนั่นเอง หลังจากวางตลาดได้เพียงสองปี SC500N จึงเลิกผลิตไป

กีต้าร์วินเทจสายไนลอน Ibanez

เมื่อไม่นานมานี้ Ibanez SC500N ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งก็ด้วยฝีมือของ Tim Henson และ Scottie Lepage มือกีต้าร์จากวง Polyphia Tim กล่าวว่าเขาค้นพบ SC500N ในร้านกีต้าร์วินเทจแห่งหนึ่งในขณะที่วงของเขากำลังอยู่ระหว่างการจัดแสดงทัวร์

ภายหลังกีต้าร์ SC500N ของ Tim กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับเพลง “Playing god” ต่อมาจึงเกิดการสร้างกีต้าร์ Ibanez TOD10N ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ของ Tim Henson รวมทั้งรุ่นที่คล้ายกันแต่เป็นเวอร์ชันมาตรฐานอย่าง Ibanez FRH10N ด้วย การที่สไตล์ของ Polyphia โด่งดังมากในปัจจุบัน ทำให้ความต้องการกีต้าร์ที่คล้ายกับรุ่น SC500N เพิ่มสูงขึ้นไปด้วยนั่นเอง

กีต้าร์สายไนลอน Ibanez Polyphia Tim Henson TOD10N

และแน่นอนว่ามูลค่าของกีต้าร์ Ibanez SC500N ในตลาดกีต้าร์มือสองก็พุ่งสูงขึ้นด้วยเช่นกัน เพราะการที่มันเคยวางขายเพียงแค่สองปี ทำให้ทุกวันนี้มันกลายเป็นกีต้าร์ที่หามาครอบครองได้ยากสุด ๆ

สั่งซื้อกีต้าร์สายไนลอนของ Ibanez

 

กีต้าร์ Gibson

Epiphone Japan และ Orville

แฟนพันธุ์แท้กีต้าร์ส่วนใหญ่น่าจะรู้ว่ากีต้าร์ Gibson ผลิตขึ้นเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ในทางกลับกัน กีต้าร์ Epiphone นั้นเป็นกีต้าร์ราคาประหยัดกว่าที่ผลิตจากโรงงานในทวีปเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นเกาหลีใต้หรือจีนนั่นเอง

ทว่าแฟนพันธุ์แท้กีต้าร์หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า Gibson เคยลงทุนกับการผลิตกีต้าร์ที่ญี่ปุ่นในช่วงทศวรรษที่ 1980 และ 1990 ด้วยเช่นกันในชื่อกีต้าร์ Epiphone กับ Orville กีต้าร์ Epiphone นั้นเดิมทีผลิตในอเมริกา แต่ช่วงทศวรรษที่ 1980 Epiphone ได้ย้ายฐานการผลิตกีต้าร์ไปยังญี่ปุ่น เนื่องจากค่าแรงที่นั่นถูกกว่า และช่างทำเครื่องสายชาวญี่ปุ่นก็มีชื่อเสียงดีงามด้วยเช่นกัน

กีต้าร์ Epiphone Matsumoku Japan

ช่วงปี 1980 Matsumoko ได้เริ่มผลิตกีต้าร์ Epiphone ด้วยความร่วมมือกับ Gibson โดยมี Aria เป็นผู้จัดการทางด้านการผลิตและจัดจำหน่าย กีต้าร์ Epiphone ที่ผลิตในญี่ปุ่นรุ่นแรก ๆ นั้นถูกเปลี่ยนชื่อเป็นกีต้าร์ Matsumoko และก็วางขายเฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้นด้วย หลังจากผ่านไปหลายปี Epiphone ญี่ปุ่นก็เริ่มที่จะรวมตัวกับ Epiphone รุ่นดั้งเดิม เช่น Wilshire, Emperor, Riviera และ Newport bass เป็นต้น

สั่งซื้อกีต้าร์ Gibson ญี่ปุ่น

 

กีต้าร์ Orville

หลังจากประสบความสำเร็จกับกีต้าร์ Epiphone ญี่ปุ่นแล้ว Yamano Gakki ก็ตัดสินใจนำกีต้าร์สไตล์ Gibson ชื่อดังรุ่นอื่น ๆ เข้าสู่ตลาดญี่ปุ่นด้วย แต่แทนที่จะใช้ชื่อแบรนด์ Epiphone พวกเขากลับเลือกที่จะเปลี่ยนเป็นชื่ออื่นไปเลย พวกเขาตัดสินใจเรียกแบรนด์ใหม่นี้ว่ากีต้าร์ Orville โดยตั้งชื่อตาม Orville Gibson บิดาผู้ก่อตั้งแบรนด์กีต้าร์ Gibson นั่นเอง

กีตาร์ Epiphone Orville ญี่ปุ่น

Gibson ได้ผลิตกีต้าร์ลิขสิทธิ์แท้ในเวอร์ชั่นญี่ปุ่นภายใต้ชื่อแบรนด์กีต้าร์ Orville โดยใช้ดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ เช่น Les Paul, SG, Explorer, Flying V และรุ่นอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนั้นแล้วกีต้าร์เหล่านี้ยังมี “หัวกีต้าร์สไตล์ open-book” ตามแบบฉบับของ Gibson อีกด้วย

กีต้าร์ Orville นั้นใช้ปิ๊กอัพทั้งที่ผลิตในญี่ปุ่นและที่ผลิตในอเมริกา กีต้าร์ Orville ที่ใช้ปิ๊กอัพอเมริกาจะใช้ชื่อแบรนด์ว่า “Orville by Gibson” แต่แล้วกีต้าร์ Orville ก็มาถึงจุดสิ้นสุดในปี 1996 เมื่อ Gibson และ Yamano Gakki ตัดสินใจส่งกีต้าร์ Epiphone ญี่ปุ่นเหล่านี้ออกสู่ตลาดนานาชาติ

ช่วงทศวรรษที่ 2000s Epiphone Japan ได้แนะนำให้โลกรู้จักกับซีรี่ส์ Elite (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นซีรี่ส์ Elitist) หัวใจสำคัญของมันคือ กีต้าร์เหล่านี้เป็นกีต้าร์ Orville ที่เปลี่ยนชื่อแบรนด์ใหม่ โดยผลิตเพื่อการวางขายในตลาดญี่ปุ่นรวมทั้งตลาดนานาชาตินั่นเอง

กีต้าร์วินเทจ Epiphone Orville ญี่ปุ่น

กีต้าร์ Epiphone Elite/Elitist ที่วางขายในญี่ปุ่นนั้นจะมี “หัวกีต้าร์แบบ open-book” ในขณะที่รุ่นสำหรับส่งออกไปยังตลาดนานาชาติจะใช้หัวกีต้าร์แบบทั่วไปของ Epiphone สำหรับรุ่น Elite/Elitist นั้นมีการโฆษณาว่าเป็นกีต้าร์รุ่นไฮเอนด์ของ Epiphone

สั่งซื้อกีต้าร์วินเทจ Orville มือสอง

กีต้าร์ Epiphone ที่ผลิตในญี่ปุ่นเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ใช้ชิ้นส่วนคุณภาพสูงและผลิตขึ้นมาอย่างประณีตยิ่งกว่ากีต้าร์ Epiphone รุ่นอื่น ๆ ที่ผลิตในเกาหลีใต้อย่างเห็นได้ชัด แต่กีต้าร์ Epiphone สัญชาติญี่ปุ่นก็เลิกผลิตไปตั้งแต่ปี 2009 ปัจจุบันแบรนด์นี้ไม่ได้ทำกีต้าร์ในญี่ปุ่นอีกแล้ว

ทั้งกีต้าร์ Epiphone และ Orville ต่างก็เป็นกีต้าร์ที่เหล่านักสะสมและคอกีต้าร์จำนวนมากแสวงหา พวกเขาเชื่อว่ากีต้าร์เหล่านี้เป็นหนึ่งในรุ่นที่ดีที่สุดที่ Gibson/Epiphone เคยผลิตขึ้นมา หลายคนยังเชื่อว่าพวกมันดีกว่ากีต้าร์ Epiphone ที่ผลิตในปัจจุบันด้วยซ้ำ

 

 

ZenMarket คือเว็บไซต์ที่จะช่วยให้คุณช้อปจากญี่ปุ่นได้อย่างสะดวก & ง่ายดาย

สมัครวันนี้เพื่อรับทันที ZenPoints 500 แต้ม

สมัครใช้งานฟรี!

สั่งสินค้าจากญี่ปุ่น วิธีใช้งาน ZenMarket

บทความ| 31/05/2567 | Musicguitar

 

ประตูสู่การช้อปออนไลน์จากญี่ปุ่น

ZenMarket คือ เว็บสั่งของจากญี่ปุ่น ที่จะช่วยคุณสั่งของและประมูลสินค้าจากร้านออนไลน์ในประเทศญี่ปุ่นพร้อม ส่งตรงถึงหน้าประตูบ้านคุณ วิธีการสั่งซื้อนั้นง่ายมาก อีกทั้งคุณยังสามารถติดต่อ แอดมินชาวไทย เมื่อมีข้อสงสัย
ถ้าคุณยังไม่มีบัญชีผู้ใช้ สมัครฟรี และรับทันที 
ZenPoints 500 แต้ม สำหรับการสั่งซื้อครั้งแรก! พิเศษ! ส่งพัสดุชิ้นแรกตอนนี้ รับฟรีทันที ZenPoints อีก 100 แต้ม! คุณสามารถรับ ZenPoints ได้ทุกครั้งที่ส่งพัสดุ จนถึงพัสดุชิ้นที่ 3

→ ดูสินค้าขายดีจากญี่ปุ่น

Close menu